ค่าเงินบาทแตะ 36.22 บาท จับตาทิศทางฟันด์โฟลว์นักลงทุนต่างชาติ

วันที่ 22 ก.ย. น.ส.กาญจนา โชคไพศาลศิลป์ ผู้บริหารงานวิจัย ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เปิดเผยว่า เงินบาทปรับตัวอยู่ที่ระดับประมาณ 36.20-36.22 บาทต่อดอลลาร์ ในช่วงเช้าวันนี้ (09.00 น.) เทียบกับระดับปิดตลาดวานนี้ที่ 36.15 บาทต่อดอลลาร์ แม้เงินบาทจะกลับมาแกว่งตัวเป็นกรอบ แต่ยังคงมีแรงกดดันด้านอ่อนค่า ขณะที่เงินดอลลาร์ มีแรงหนุนบางส่วนจากเครื่องชี้ตลาดแรงงานของสหรัฐ ซึ่งออกมาดีกว่าที่ตลาดคาด โดยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานลดลง 20,000 ราย ไปที่ระดับ 201,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนม.ค. 2566 (ตลาดคาดที่ 225,000 ราย)

สำหรับกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ คาดไว้ที่ 36.10-36.30 บาทต่อดอลลาร์ ขณะที่ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ สัญญาณฟันด์โฟลว์ของต่างชาติ ผลการประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น และดัชนีภาคการผลิตและภาคบริการเดือนก.ย. (เบื้องต้น) ของอังกฤษ ยูโรโซน และสหรัฐ

นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย กล่าวว่า ในช่วงคืนก่อนหน้า ค่าเงินบาทเคลื่อนไหวผันผวน (แกว่งตัวในช่วง 36.10-36.28 บาทต่อดอลลาร์) โดยมีจังหวะอ่อนค่าต่อเนื่อง ตามการแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์และการย่อตัวลงของราคาทองคำ หลังธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 5.25% กดดันให้เงินปอนด์อังกฤษ (GBP) อ่อนค่าลงหนัก

นอกจากนี้ เงินดอลลาร์ยังได้แรงหนุนจากรายงานข้อมูลตลาดแรงงานสหรัฐ ที่ออกมาดีกว่าคาด อย่างไรก็ดี เงินบาทพลิกกลับมาทยอยแข็งค่าขึ้นตามการอ่อนค่าลงของเงินดอลลาร์ซึ่งส่วนหนึ่งอาจมาจากแรงขายทำกำไรสถานะ Long USD และการปรับสถานะเก็งกำไรเงินเยนญี่ปุ่น (JPY) ในช่วงก่อนรับรู้ผลการประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ในวันศุกร์นี้

บรรยากาศในฝั่งตลาดหุ้นสหรัฐ ยังคงอยู่ในภาวะปิดรับความเสี่ยง (Risk-Off) ท่ามกลางรายงานยอดผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงานสหรัฐ (Jobless Claims) ที่ปรับตัวลดลงต่อเนื่องและออกมาดีกว่าคาด รวมถึงท่าทีของเฟดที่อาจคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับสูงได้นานขึ้น (Higher for Longer) โดยภาพดังกล่าวได้ส่งผลให้บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐ ปรับตัวขึ้นต่อเนื่องจนแตะระดับ 4.50% กดดันให้บรรดาหุ้นเทคฯ และหุ้นสไตล์ Growth ต่างปรับตัวลงแรง (Amazon -4.4%, Nvidia -2.9%) ทำให้ดัชนีหุ้นเทคฯ Nasdaq ดิ่งลง -1.82% ส่วนดัชนี S&P500 ปิดตลาด -1.64%

ส่วนในฝั่งตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี stoxx600 พลิกกลับมาดิ่งลงกว่า -1.30% ท่ามกลางความกังวลว่าบรรดาธนาคารกลางหลักอาจคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับสูงได้นาน เพื่อคุมปัญหาเงินเฟ้อ กดดันให้บรรดาหุ้นที่อ่อนไหวต่อทิศทางดอกเบี้ยและบอนด์ยีลด์ ต่างปรับตัวลดลง อาทิ หุ้นเทคฯ หุ้นสไตล์ Growth (SAP -1.1%, Hermes -5.9%) นอกจากนี้ ตลาดหุ้นยุโรปยังถูกกดดันจากการปรับตัวลงของหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ (Rio Tinto -2.7%) หลังราคาแร่โลหะเผชิญแรงกดดันต่อเนื่องจากการแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์ในช่วงนี้คำพูดจาก ทดลองเล่น

ในฝั่งตลาดบอนด์ ท่าทีของเฟด รวมถึงธนาคารกลางหลักอื่นๆ ที่แม้จะมีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมล่าสุด ทว่า บรรดาธนาคารกลางดังกล่าวก็อาจคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับสูงได้นานกว่าคาด ซึ่งมุมมองดังกล่าวได้หนุนให้บอนด์ยีลด์ระยะยาวต่างปรับตัวสูงขึ้น นอกจากนี้ รายงานข้อมูลตลาดแรงงานสหรัฐ ที่ยังคงออกมาดีกว่าคาดก็มีส่วนช่วยหนุนให้ บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐ ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 4.50% สูงกว่าที่เราเคยประเมินไว้พอสมควร

ทั้งนี้ ในช่วงระยะสั้น บอนด์ยีลด์ระยะยาวยังมีความเสี่ยงที่จะผันผวนต่อ โดยต้องจับตาทิศทางนโยบายการเงินของ BOJ ในวันนี้ ว่าจะมีการส่งสัญญาณพร้อมปรับเปลี่ยนนโยบายการเงินให้เข้มงวดมากขึ้นหรือไม่ ซึ่งหาก BOJ ส่งสัญญาณดังกล่าวก็อาจหนุนให้บอนด์ยีลด์ปรับตัวขึ้นได้บ้าง

ทางด้านตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์เคลื่อนไหวในกรอบ sideway โดยมีจังหวะแข็งค่าขึ้นบ้างตามการอ่อนค่าลงของเงินปอนด์อังกฤษ (GBP) และรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐ ที่ออกมาดีกว่าคาด อย่างไรก็ดี ผู้เล่นในตลาดบางส่วนก็เริ่มทยอยขายทำกำไรเงินดอลลาร์ และบางส่วนก็ทยอยปรับสถานะ Short JPY (มองเงินเยนอ่อนค่า) ในช่วงก่อนรับรู้ผลการประชุม BOJ ทำให้โดยรวมดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) ยังคงแกว่งตัวใกล้ระดับ 105.4 จุด (กรอบ 105.2-105.7 จุด)

ในส่วนของราคาทองคำ การปรับตัวขึ้นต่อเนื่องของทั้งบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐ และท่าทีของบรรดาธนาคารกลางหลักที่อาจคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับสูงได้นานขึ้น เป็นปัจจัยสำคัญที่กดดันให้ ราคาทองคำ (สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน ธ.ค.) ย่อตัวลงและยังคงแกว่งตัวใกล้ระดับ 1,940 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งเป็นโซนแนวรับในระยะสั้น ทั้งนี้ เรามองว่า ผู้เล่นในตลาดบางส่วนอาจยังคงเข้าซื้อทองคำในจังหวะย่อตัว ซึ่งโฟลว์ธุรกรรมดังกล่าวก็มีส่วนกดดันให้เงินบาทอ่อนค่าลง

สำหรับวันนี้ ไฮไลต์สำคัญจะอยู่ที่ผลการประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ซึ่งในระยะหลังที่ผ่านมา ผู้เล่นในตลาดเริ่มคาดหวังว่า ทาง BOJ อาจจะเริ่มมีการสื่อสารต่อตลาดการเงิน ว่า BOJ อาจพร้อมที่จะใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวดมากขึ้น หลังอัตราเงินเฟ้อเริ่มมีทิศทางที่จะบรรลุเป้าหมายของ BOJ ได้ โดยเราประเมินว่า BOJ อาจคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับ -0.10% และยังคงใช้นโยบาย Flexible Yield Curve Control

อย่างไรก็ดี การอ่อนค่าต่อเนื่องของเงินเยนญี่ปุ่นกอปรกับแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อที่ยังคงอยู่ในระดับสูง (ตลาดคาดอัตราเงินเฟ้อ CPI ญี่ปุ่นในเดือนสิงหาคม อาจอยู่ที่ระดับ 3.0% ขณะที่อัตราเงินเฟ้อ Core-Core CPI ที่ไม่รวมผลของราคาอาหารและพลังงาน จะยังคงสูงกว่า 4.3%) อีกทั้งการเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อของเฟดก็ยังมีความเป็นไปได้อยู่ อาจทำให้ผู้ว่า BOJ เริ่มส่งสัญญาณในลักษณะที่มีความ hawkish มากขึ้น เพื่อลดแรงกดดันต่อเงินเยนญี่ปุ่นซึ่งจะช่วยชะลอการปรับตัวขึ้นของอัตราเงินเฟ้อได้บ้าง โดยเฉพาะในจังหวะที่ราคาน้ำมันดิบมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งจะกระทบต่อญี่ปุ่นที่เป็นประเทศนำเข้าพลังงานสุทธิ (Net Energy Importer)

และนอกเหนือจากผลการประชุมของ BOJ เราประเมินว่า ตลาดจะจับตารายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญของบรรดาประเทศเศรษฐกิจหลัก ทั้ง สหรัฐ ยูโรโซน อังกฤษ และญี่ปุ่น โดยเฉพาะ รายงานดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิตและภาคการบริการ (S&P Manufacturing and Services PMIs) เดือนกันยายน ซึ่งอาจส่งผลต่อทิศทางเงินดอลลาร์และสกุลเงินอื่นๆ ได้อย่างมีนัยสำคัญคำพูดจาก รวมสล็อตทดลองเล่น

สำหรับ แนวโน้มของค่าเงินบาท เราประเมินว่า โมเมนตัมฝั่งอ่อนค่าของเงินบาทยังคงมีอยู่ อย่างไรก็ดี การอ่อนค่าของเงินบาทยังคงจำกัดอยู่ในโซนแนวต้าน 36.30-36.40 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งเรายังคงเห็นการขายทำกำไรสถานะ Short THB (มองเงินบาทอ่อนค่า) อย่างต่อเนื่อง ของผู้เล่นในตลาดบางส่วน นอกจากนี้ การกลับเข้ามาซื้อสินทรัพย์ไทยบ้างของนักลงทุนต่างชาติในวันก่อนหน้า รวมถึง การย่อตัวลงของราคาน้ำมันดิบ ก็มีส่วนช่วยชะลอการอ่อนค่าของเงินบาท

ทั้งนี้ เรามองว่า เงินบาทอาจยังไม่สามารถกลับมาแข็งค่าขึ้นได้ชัดเจน จนกว่าจะเห็นปัจจัยที่สามารถกดดันให้เงินดอลลาร์พลิกกลับมาอ่อนค่าลงได้ ซึ่งกรณีที่จะเห็นเงินบาทแข็งค่าได้ชัดเจน ควรเห็นทั้งการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์ พร้อมกับการย่อตัวลงของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐ และการปรับตัวขึ้นต่อเนื่องของราคาทองคำ โดยเรามองว่า ภาพดังกล่าวอาจเกิดขึ้นได้ หากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐ เริ่มออกมาแย่กว่าคาดชัดเจน ทำให้ตลาดเริ่มไม่เชื่อใน Dot Plot ใหม่ของเฟด

ทั้งนี้ ควรระวังความผันผวนของตลาดค่าเงินในช่วงทยอยรับรู้ผลการประชุม BOJ (ในช่วงราว 10.00 น. ตามเวลาในประเทศไทย และช่วงการแถลงต่อสื่อมวลชนของผู้ว่า BOJ ในช่วง 13.30 น.) เพราะหาก BOJ มีการส่งสัญญาณพร้อมปรับนโยบายการเงินให้เข้มงวดมากขึ้น (หรือมีความ hawkish มากขึ้น) ก็อาจหนุนให้ ค่าเงินเยนญี่ปุ่นพลิกกลับมาแข็งค่าขึ้นได้บ้าง ซึ่งอาจกดดันให้เงินดอลลาร์อ่อนค่าลง

อย่างไรก็ดี ท่าทีดังกล่าวก็สามารถหนุนให้บอนด์ยีลด์ทั่วโลกปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งก็ไม่เป็นผลดีต่อราคาทองคำ และหากราคาทองคำย่อตัวลงก็สามารถกดดันให้เงินบาทอ่อนค่าลง ตามโฟลว์ธุรกรรมซื้อทองคำในจังหวะย่อตัวได้เช่นกัน ทำให้ค่าเงินบาทอาจผันผวนได้พอสมควรในช่วงทยอยรับรู้ผลการประชุม BOJ

หงส์กำลังคึกพร้อมเปิดรังจิกชุดขาว

ศึกฟุตบอลยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบ 16 ทีม นัดแรก วันนี้ (21 ก.พ.) มีฟาดแข้งกัน 2 คู่ 2 สนามด้วยกัน คู่เอกเป็นการรีแมตช์รอบชิงชนะเลิศในปี 2022 “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล ทีมอันดับ 8 ของตารางพรีเมียร์ลีก และรองแชมป์เก่า เปิดรัง แอนฟิลด์ ต้อนรับการมาเยือนของ “ราชันชุดขาว” เรอัล มาดริด รองจ่าฝูงลา ลีกา และแชมป์เก่า คู่นี้ฟาดแข้ง 03.00 น. ช่อง บีอิน สปอร์ต 1 ถ่ายทอดสด คำพูดจาก คาสิโนออนไลน์

เจอร์เกน คลอปป์ นายใหญ่ชาวเยอรมันของลิเวอร์พูล ยังไม่มี ติอาโก อัลคันทารา ที่ยังเจ็บ แต่ตัวหลัก ๆ คนอื่น ๆ อยู่กันพร้อมหน้า แนวรับวาง เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ กลับมาคุมแนวรับร่วมกับ เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, โจ โกเมซ, แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน แดนกลาง จอร์แดน เฮนเดอร์สัน กองกลางกัปตันทีม คุมจังหวะเกมร่วมกับ ฟาบินโญ, สเตฟาน บายเซติช แดนหน้าวาง โมฮัมเหม็ด ซาลาห์ ผนึกกำลัง โคดี กักโป, ดาร์วิน นูนเญซ ยืนเป็น 3 ประสานแดนหน้า

คาร์โล อันเชลอตติ กุนซือชาวอิตาเลียนของเรอัล มาดริด ต้องเช็กอาการของ คาริม เบนเซมา กองหน้าชาวฝรั่งเศส ก่อนหากฟิตไม่ทัน ทำให้ โรดรีโก จะได้ออกสตาร์ตตัวจริงผนึกกำลัง วินิซิอุส จูเนียร์, เฟเดริโก วัลเวร์เด ยืนเป็น 3 ประสานแดนหน้า ลูกา โมดริช กองกลางจอมเก๋าผนึกกำลัง ดานี เซบายอส, เอดูอาร์โด กามาวิงกา คุมเกมกลางสนาม แนวรับวาง อันโตนิโอ รูดิเกอร์, เอแดร์ มิลิเตา ยืนเป็นคู่เซ็นเตอร์ฮาล์ฟ

ลิเวอร์พูล กลับมาท็อปฟอร์มได้ถูกช่วงเวลาเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นแนวรุกที่กลับมาเปรี้ยงปร้างอีกครั้ง เช่นเดียวกับตัวหลัก ๆ กลับมาฟิตกันเกือบครบแล้ว ปักหลักลงเล่นในบ้านเกมนี้ด้วยความมั่นใจ ด้าน เรอัล มาดริด ช่วงหลัง ๆ ฟอร์มค่อนข้างแกว่ง เอาแน่นอนไม่ได้ แถมการหายไปของ เบนเซมา น่าจะทำให้เกมรุกลดประสิทธิภาพไปมากพอสมควร อย่างไรก็ตาม ก็ยังมี วินิซิอุส, เฟเดริโก วัลเวร์เด ก็พร้อมจะเปลี่ยนเกมเช่นกัน รูปเกมทั้งสองทีมจะเปิดเกมแลกกันทั้ง 90 นาที ก่อนจะเป็น “หงส์แดง” ที่ชั่วโมงนี้แนวรุกกำลังเข้าฝักน่าจะบดแนวรับ “ราชันชุดขาว” ที่ยังมีรอยรั่วได้

ส่วนอีกคู่ “อินทรีแดง-ดำ” แฟรงก์เฟิร์ต ทีมอันดับ 6 บนตารางบุนเดสลีกา ปักหลักลงเล่นในบ้านพบกับ “อัซซูรา” นาโปลี จ่าฝูงกัลโช ซีรีเอ อิตาลี คู่นี้ฟาดแข้งเวลา 03.00 น. ช่อง บีอิน สปอร์ต 3 ถ่ายทอดสด เกมนี้ โอลิเวอร์ กลาสเนอร์​ เทรนเนอร์เจ้าถิ่นสภาพทีมค่อนข้างพร้อมวาง เยสเปอร์ ลินเดรอม, มาริโอ เกิร์ตเซ, รันดาล โคโล มูอานี เป็นทีเด็ด ส่วน ลูชาโน สปัลเลตติ เทรนเนอร์ชาวอิตาเลียนของนาโปลี ยกพลมาเยือนด้วยขุมค่อนข้างพร้อม แดนหน้าจะได้ วิคเตอร์ โฮซิมเฮน กองหน้าตัวเก่งที่ยิงไปแล้ว 18 ประตูในลีกจาก 19 นัดที่ลงสนาม ฟิตสมบูรณ์กลับมาลงล่าตาข่ายอีกครั้ง.